50 Year Of Bond 007: Licence To Kill 007 รหัสสังหาร
ภารกิจในการทำหน้าเจมส์ บอนด์เป็นครั้งสุดท้ายของทิโมธี ดาลตัน ที่คราวนี้เป็นเรื่องราวส่วนตัว น่าจะเป็นหนังบอนด์ตอนที่ดุดัน และอุดมไปด้วยความรุนแรงมากที่สุดในทำเนียบหนังบอนด์
ระหว่างทางไปโบสถ์เพื่อเข้าพิธีแต่งงานของซีไอเอ เฟลิกซ์ ไลเตอร์กับบอนด์ในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว ต้องเข้าร่วมสนธิกำลังเพื่อจับกุมพ่อค้ายาเสพติดตัวเอ้ ฟรานซ์ ซานเชซ แม้จะสามารถจับกุมตัวได้ แต่ด้วยอำนาจเงินชานเซซสามารถหนีไปได้และกลับมาล้างแค้นเฟลิกซ์ ไลเตอร์จนปางตาย บอนด์จึงขอรับความแค้นนี้ไว้เป็นเรื่องส่วนตัวแม้จะโดนยึดใบอนุญาตให้ฆ่า เขาก็ยังเลือกจะตามล่าล้างแค้นซานเชซ และเครื่อข่ายยาเสพติดของซานเชซให้หมดสิ้น โดยมีแพม บูเวียร์ สายสืบของไลเตอร์คอยให้ความช่วยเหลือ
ทำหน้าที่เป็นครั้งสุดท้ายสำหรับทิโมธี ดาลตัน ในการสร้างภาพลักษณ์ของบอนด์ที่แตกต่าง บอนด์ดาลตันไม่เน้นแต่งกายหรูในชุดทักซีโด้ หรือสูทสากลเต็มยศ เสื้อผ้าสไตล์ลำลองถูกนำมาใช้กับบอนด์ดาลตัน และในตอนนี้ถือว่าเป็นบอนด์ที่สะบักสะบอมมากกที่สุด พอ ๆ กับที่ปืนประจำตัววอลเธอร์ พีพีเค ก็ไม่ค่อยจะถูกนำมาใช้เป็นหลัก ในภาคนี้บอนด์ดาลตันเต็มไปด้วยความดุดัน เหี้ยมเกรียม แห้งแล้งอารมรณ์ขัน ตามโทนของหนังที่ว่าด้วยการล้างแค้น พิจารณาในแง่ความเป็นมืออาชีพ บอนด์ของดาลตันถือว่าล้มเหลวมากที่สุดที่นำอารมณ์มาใช้ในวิชาชีพ อันนำไปสู่ปัญหาในการทำงาน อาจเพราะเหตุนี้ทำให้บอนด์ดาลตันไม่เป็นที่นิยมของแฟนบอนด์ทั่วโลก จนทำให้ภายหลังเขาบอกลาบทเจมส์ บอนด์ไปด้วยภารกิจแค่ 2 ตอน!
แครีย์ โลเวลล์/ทาลิซา โซโต สองสาวของบอนด์ในตอนนี้
สาวบอนด์ในภาคนี้มีสองคน สำหรับนางเอกบอนด์ในภาคนี้คือ แครีย์ โลเวลล์ นางแบบราล์ฟ ลอเรน และคาลวิน ไคล์น รับบทเป็น แพม บูเวียร์ สาวบอนด์ที่มีส่วนช่วยเหลือบอนด์ในหลาย ๆ เรื่องจากภาพลักษณ์ต้นเรื่องที่ดูเชย ก่อนจะหั่นผมออกกลายเป็นลุคส์ที่โดดเด่นจนบอนด์ต้องสะดุดตา ในขณะที่สาวบอนด์อีกคนคือ ลูเป ลาโมร่า นกน้อยในกรงทองของซานเชส ที่รับบทโดย ทาลิสา โซโต ซึ่งก็เป็นนางแบบปกนิตยสาร โว๊ก สร้างภาพลักษณ์ลูเปที่เซ็กซี่ ดึงดูดใจ และอ่อนไหว จนชายหลายคนอยากปกป้อง นี่คือหนึ่งในสาวบอนด์คนที่สองที่ไม่ถูกฆ่าตาย
ราชายาเสพติดฟรานซ์ ซานเชส ผู้มากบารมีและสร้างระบอบซานเชซโดยเน้นใช้เงินจากยาเสพติดในการสร้างฐานอำนาจ โหดเหี้ยม โรคจิต งก แต่โง่ คือลักษณ์เด่นของซานเชซ ผู้รับบทคือโรเบิร์ต ดาวี่ นักแสดงที่เวียนว่ายในบทตัวร้ายอันดับสองมานาน ในช่วงนั้นมีบทเล็ก ๆ ในฐานะซีไอเอกระหายเลือดนั่งฮ.ไล่ยิงจอห์น แม็คเคลนใน Die Hard ภาคแรก คงเข้าตาผู้สร้างจนได้เล่นบทเด่นกับเขาเสียที
บท ดาลิโอ มือสังหารข้างกายซานเชซ ได้นักแสดงโนเนมในตอนนั้น แต่เป็นยอดฝีมือในยุคนี้ เบนิซิโอ เดล โตโร่ ดูโรคจิต และกระดูกคนละเบอร์กับบอนด์จนไม่น่าเชื่อว่าจะมีแววรุ่งอย่างทุกวันนี้
จอห์น เกล็น กลับมารับหน้าที่กำกับบอนด์อีกเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งเจ้าตัวคงไม่คิดว่านี่คือครั้งสุดท้ายของเขา เกล็นจัดเต็มในการนำบอนด์ไปสู่ด้านมืด จึงทำให้บอนด์ในตอนนี้เต็มไปด้วยภาพความรุนแรงเกินกว่าจะเป็นหนังบอนด์ในหลาย ๆ ฉาก ซึ่งก็เหมาะสมสำหรับโทนล้างแค้นในตอนนี้
ฉากแอ็คชั่นเปิดเรื่องที่มีส่วนสำคัญกับเนื้อเรื่องที่เหลือ แม้จะไม่ใช่ภารกิจของบอนด์โดยตรง แต่ความน่าสนใจอยู่ที่การออกแบบงานสตันท์กลางเวหา ที่ให้บอนด์ห้อยตัวจาก ฮ.ลงไปที่เครื่องบินเซสน่าของซานเชสก่อนจะเกี่ยวไว้และลากไปด้วย
ฉากแอ็คชั่นกลางเรื่องที่ให้บอนด์ต้องทั้งดำน้ำ ต่อสู้ใต้น้ำก่อนจะหนีด้วยการใช้ฉมวกยิงไปที่เครื่องบิน กลายเป็นสกีน้ำและปีนขึ้นไปแย่งเครื่องบิน
ฉากแอ็คชั่นท้ายเรื่องที่นำขบวนรถบรรทุกสิบแปดล้อมาไล่ชนกัน จนกลายเป็นทะเลเพลิง ถือเป็นฉากที่สร้างความตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจแก่คนดู เพราะในยุคนั้นที่หนังออกฉายยังไม่มีการใช้ CG ในการสร้างภาพระเบิด ดังนั้นสิ่งที่เห็นในภาพคือการระเบิดของจริง ยังไม่นับงานสตันท์ที่ออกแบบให้รถบรรทุกยกล้อที่มีทั้งล้อข้าง และล้อหน้าอย่างไม่น่าเชื่อ
เพลงประกอบภาพยนตร์ในภาคนี้กลายเป็น ไมเคิล คาร์เมน เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งในช่วงเวลานั้น ไมเคิล คาร์เมนกำลังเป็นคอมโพสเซอร์ที่งานชุกมาก หนังระดับบล็อคบลัสเตอร์หลายเรื่องต้องเป็นคาร์เมนรับผิดชอบ ทำให้หนังบอนด์ในตอนนี้เพลงประกอบแทบจะมาในสไตล์เดียวกับ Die Hard ภาคแรก ที่เป็นงานสร้างชื่อของไมเคิล คาร์เมนด้วยเช่นเดียวกัน และด้วยเหตุนี้ทำให้จอห์น แบร์รี่ได้ปิดฉากตนเองในฐานะคอมโพสเซอร์หนังบอนด์ไปในตอนที่แล้ว ส่วนเพลงนำประจำหนังบอนด์ตอนนี้ยังคงเป็นชื่อเดียวกับชื่อตอนที่ได้นักร้องเพลงโซลชื่อดังอย่าง แกลดี้ส์ ไนท์มารับหน้าที่ สำหรับบ้านเราคงคุ้นเคยกับเพลง That's What Friends Are For ที่เธอฟีเจอร์ริ่งร่วมกับ เอลตัน จอห์น, สตีวี่ วอนเดอร์ และ ดิออน วอร์วิค
ด้วยภาพลักษณ์ที่หม่นมืด แล้งอารมณ์ขัน และเต็มไปด้วยความรุนแรง ทำให้ทิโมธี ดาลตันต้องปิดฉากบอนด์ลงไปในตอนนี้ด้วยสถิติแค่ 2 ตอน และด้วยปัญหาฟ้องร้องเรื่องลิขสิทธิ์ทำให้ดาลตันบอกลาบทบอนด์ไปในที่สุดทั้ง ๆ ที่ยังเหลือสัญญาอีก 1 ตอนก็ตาม แฟนบอนด์ต้องรอคอยนานถึง 6 ปีกว่าจะได้บอนด์คนใหม่ เพียร์ซ บรอสแนน ที่ถือเป็นบอนด์ในใจคนยุคปี 2000